ก้าวไปกับฮิจเราะฮฺ مع الهجرة Bersama Hijrah

  • ก้าวไปกับฮิจเราะฮฺ مع الهجرة
  • ฮิจเราะฮฺและความหมาย
  • ฮิจเราะฮฺและความหมายตามบริบทอัลกุรอานและอัสสุนนะห์
  • การฮิจเราะฮฺจากดินแดนกุฟร์(รัฐปฏิเสธพระเจ้า)ไปสู่ดินแดนอีหม่าน(รัฐที่ศรัทธาต่อพระเจ้า) مِن دَارِ الكُفْرِ إِلَى دَارِ الإِيْمَانِ
  • การฮิจเราะฮฺที่เป็นนามธรรม(วาจาและใจ اللِسَانُ وَالقَلْبُ)
  • ฮิจเราะฮฺเป็นสุนนะห์อย่างหนึ่งของบรรดานบีก่อนหน้านบีมูฮำมัด(ศ็อลฯ)
  • ผลตอบแทนสำหรับผู้ที่ฮิจเราะฮฺ
  • ฮิจเราะฮฺกับผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น

مَعَ الهِجْرَةِ ก้าวไปกับฮิจเราะฮฺ Bersama Hijrah

طَلَعَ البَدْرُ عَلَيْنَا   مِنْ ثَنِيَّاتِ الوَدَاعِ
وَجَبَ الشُّكْرُ عَلَيْنَا   مَا دَعَا لِلَّهِ دَاعٍ
أَيُّهَا الْمَبْعُوثُ فِيْنَا   جِئْتَ بِالأَمْرِالمُطَاعِ

ฮิจเราะฮฺและความหมาย

คำว่า”ฮิจเราะฮฺ”(هِجْرَة)มาจากรากศัพย์ภาษาอาหรับที่ว่า ฮะ-ญะ-รอ( َهَجَر) หรือ อัล-ฮัจรุ( ُالهَجْر) หมายถึง การตัดสัมพันธ์กัน การแยกออกจากกัน การละทิ้ง และอัลฮิจเราะฮฺนั้นก็ให้ความหมายถึงการอพยพหรือการย้ายออกจากดินแดนหนึ่งไปสู่ดินแดนอื่น (ลิสานุลอาหรับ:อิบนุมันศูร์) อัล-ฮัจร์ หมายถึง การที่มนุษย์แยกออก(ตัดห่าง)จากผู้อื่นไม่ว่าจะด้วยทางด้านร่างกายหรือวาจาหรือจิตวิญญานและหรือการย้ายออกจากจากดินแดนกุฟร์(ไม่ศรัทธาต่ออัลลอฮฺ)ไปสู่ดินแดนแห่งอีหม่าน(ศรัทธาต่ออัลลอฮฺ) (มุอฺญัม มุฟรอดาต อัลฟาซุลกุรอาน:อัรรอฆิบ อัลอัศฟะฮานีย์) ดังนั้น ฮิจเราะฮฺจึงเป็นการตัดสัมพันธ์กันหรือแยกห่างออกจากกันระหว่างมนุษย์ด้วยกัน ทั้งที่เป็นกายภาพหรือนามธรรมหรือทั้งสองอย่าง อัลกุรอานและอัลหะดีษได้ให้ความหมายฮิจเราะฮฺทั้งสองอย่างนี้ในหลายโองการและหลายบทด้วยกัน การฮิจเราะฮฺมีความสำคัญอย่างยิ่งในการเปลี่ยนแปลงใดๆต่อปัจเจกบุคคลหรือสังคม สะท้อนผลต่อการเปลี่ยนแปลงและผลลัพธ์ในหลายด้าน ศาสนาอิสลามได้ส่งเสริมให้มีการฮิจเราะฮฺหากจำเป็นหรือนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น และทั้งนี้อัลกุรอานและอัลหะดีษทรงกล่าวถึงจุดมุ่งหมายและผลที่ได้รับจากการฮิจเราะฮฺดังกล่าวไว้หลายอย่างเช่นกัน.

ฮิจเราะฮฺและความหมายตามบริบทอัลกุรอานและอัสสุนนะห์

1 – การฮิจเราะฮฺจากดินแดนกุฟร์(รัฐปฏิเสธพระเจ้า)ไปสู่ดินแดนอีหม่าน(รัฐที่ศรัทธาต่อพระเจ้า)
(مِن دَارِ الكُفْرِ إِلَى دَارِ الإِيْمَانِ)


อัลกุรอานทรงชี้นำ และกล่าวถึงเป้าหมายของการฮิจเราะฮฺนี้ไว้ในหลายโองการ อาทิเช่น
ัลลอฮฺตรัสว่า:
“لِلْفُقَرَاءِ المُهَاجِرِيْنَ الَّذِيْنَ أُخْرِجُوا مِنْ دِيَارِهِمْ وَأَمْوَالِهِمْ يَبْتَغُونَ فَضْلًا مِنَ اللهِ وَرِضْوَانًا وَيَنْصُرُونَ اللهَ وَرَسُولَهُ أُولَئِكَ هُمُ الصَّادِقُونَ
ความว่า: เป็นของบรรดาผู้อพยพที่ขัดสน ซึ่งถูกขับไล่ออกจากบ้านเกิดเมืองนอนของพวกเขาและทอดทิ้งทรัพย์สินของพวกเขา เพื่อแสวงหาความโปรดปรานจากอัลลอฮฺและความยินดีของพระองค์และช่วยเหลืออัลลอฮฺและรอซูลของพระองค์ ชนเหล่านั้นคือผู้สัตย์จริง (อัลฮัซรฺ/8)
อัลลอฮฺตรัสว่า: “ ٌإِنَّ الَّذِيْنَ آمَنُوا وَالَّذِيْنَ هَاَجَرُوا وَجَاَهُدوا فِي سَبِيْلِ اللهِ أُولَئِكَ يَرْجُونَ رَحْمَتَ اللهِ وَاللهُ غَفُورٌ رَحِيْم “
ความว่า:แท้จริงบรรดาผู้ศรัทธา และบรรดาผู้อพยพและได้เสียสละต่อสู่ในทางของอัลลอฮฺนั้น ชนเหล่านี้แหละที่หวังในความเมตตาของอัลลอฮฺ และอัลลอฮฺนั้นเป็นผู้ทรงอภัยโทษ ผู้ทรงเมตตา(อัลบะเกาะเราะฮฺ/218)
อัลลอฮฺตรัสว่า:
“فَالَّذِيْنَ هَاجَرُوا وَأُخْرِجُوا مِنْ دِيَارِهِمْ وَأُوذُوا فِي سَبِيْلِي وَقَاتَلُوا وَقُتِلُوا لَأُكَفِّرَنَّ عَنْهُمْ سَيِّئَاتِهِمْ وَلَأُدْخِلَنَّهُمْ جَنَّاتٍ تَجْرِي مِنْ تَحْتِهَا الأَنْهَارُ ثَوَابًا مِنْ عِنْدِاللهِ وَاللهُ عِنْدَهُ حُسْنُ الثَّوَابِ
ความว่า:บรรดาผู้ที่อพยพและผู้ที่ถูกขับไล่ให้ออกจากหมู่บ้านของพวกเขาและได้รับความเดือดร้อนในทางของข้าและได้ต่อสู้และถูกฆ่าตายนั้น แน่นอนข้าจะลบล้างให้พ้นจากพวกเขาซึ่งบรรดาความผิดของพวกเขาและแน่นอนข้าจะให้พวกเขาเข้าบรรดาสวนสวรรค์ ซึ่งมีบรรดาแม่น้ำไหลอยู่เบื้องล่างของสวนสวรรค์เหล่านั้น ทั้งนี้เป็นรางวัลตอบแทนจากอัลลอฮฺ และอัลลอฮฺนั้น ณ พระองค์มีการตอบแทนอันดีงาม(อาละอิมรอน/195)

ัลลอฮฺตรัสว่า:
”وَمَنْ يُهَاجِرْ فِي سَبِيْلِ اللهِ يَجِدْ فِي الأَرْضِ مُرَاغَمًا كَثِيْرًا وَسَعَةً وَمَنْ يَخْرُجْ مِنْ بَيْتِهِ مُهَاجِرًا إِلى اللهِ وَرَسُولِهَ ثُمَّ يُدْرِكْهُ المَوتُ فَقَدْ وَقَعَ أَجْرُهُ عَلى اللهِ وَكَانَ اللهُ غَفُورًا رَحِيْمًا”
ความว่า: และผู้ใดที่อพยพไปในทางของอัลลอฮฺ เขาก็จะพบในผืนแผ่นดิน ซึ่งสถานที่อพยพไปอันมากมาย และความมั่งคั่งด้วยและผู้อพยพออกจากบ้านของเขาไปในฐานะผู้อพยพไปยังอัลลอฮฺและรอซูลของพระองค์ แล้วความตายก็มาถึงเขา แน่นอนรางวัลของเขานั้นย่อมปรากฏอยู่แล้ว ณ อัลลอฮฺ และอัลลอฮฺนั้น เป็นผู้ทรงอภัยโทษผู้ทรงเมตตาเสมอ(อัน-นิซาอฺ/100) เป็นต้น.
ส่วนในอัลหะดีษ ท่านศาสดาได้กล่าวถึงการอพยพในบริบทนี้ อย่างเช่น หะดีษที่รายงานโดยอิหม่ามอะห์มัด นบีกล่าวว่า: “الْبِلَادُ بِلَادُ اللَّهِ، وَالْعِبَادُ عِبَادُ اللَّهِ، فَحَيْثُمَا أصبتَ خَيْرًا فَأَقِمْ” ความว่า: ทุกดินแดนคือแผ่นดิน(กรรมสิทธิ์)ของอัลลอฮฺ และบ่าวทั้งหลายคือบ่าวของอัลลอฮฺ ดังนั้น ณ สถานที่ใดที่ท่านพึงพอใจที่จะได้รับความดีของมันก็จงพำนักที่นั้น(อะห์มัด:6298) และในความหมายเดียวกันท่านนบีกล่าวว่า:” لا هِجْرَةَ بَعْدَ الفَتْحِ، وَلَكِنْ جِهَادٌ وَنِيَّةٌ، وإذَا اسْتُنْفِرْتُمْ فَانْفِرُوا” ความว่า: ไม่มีการอพยพอีกหลังจากปลดปล่อยมักกะห์(มักกะห์ได้รับเอกราชและเปลี่ยนเป็นรัฐอิสลาม) นอกจากคงการญีฮาดและการตั้งเจตนา(เนียต)ไว้ และแล้วเมื่อใดพวกท่านถูกหมายเรียกให้ออกศึกก็จงตอบรับคำสั่งนั้น(อัลบุคอรีย์:1834,มุสลิม:1353) การฮิจเราะฮฺในรูปแบบทางกายภาพนี้ ศาสนาอิสลามได้ให้โอกาสและส่งเสริมให้ปัจเจกบุคคลหรือสังคมได้มีการอพยพอย่างอิสระตามความจำเป็น ทั้งนี้เพื่อการปกป้องรักษาศาสนา มีอิสระในการปฏิบัติศาสนกิจ และหรือเพื่อแสวงหาคุณภาพชีวิตที่ดีหรือการแสวงหาความมั่นคงในชีวิตและทรัพย์สิน

2 – การฮิจเราะฮฺที่เป็นนามธรรม(วาจาและใจ اللِسَانُ وَالقَلْبُ)

อัลกุรอานและหะดีษนบีได้นิยามถึงความหมายดังกล่าวในหลายอายัติและบทหะดีษด้วยกัน อาทิเช่น:
อัลลอฮฺตรัสว่า:
”وَالرُجْزَ فَاهْجُرْ” ความว่า: และสิ่งสกปรก(การบูชาเจว็ด การตั้งภาคีและการกระทำอบายมุขสิ่งชั่วร้ายทั้งหลาย)ก็จงหลบหลีกให้ห่างเสีย(อัลมุดดัซซีร:5)
อัลลอฮฺตรัสว่า:
” وَاصْبِرْ عَلى مَا يَقُولُونَ وَاهْجُرْهُمْ هَجْرًا جَمِيْلًا” ความว่า: และจงอดทนต่อสิ่งที่พวกเขากล่าวร้ายและจงแยกตัวออกจากพวกเขา(ฮิจเราะฮฺ)ด้วยการแยกตัวอย่างสุภาพ(อัลมุซซัมมิล:10)
อัลลอฮฺตรัสว่า:
”وَقَالَ الرَّسُولُ يَا رَبِّ إِنَّ قَومِي اتَّخَذُوا هَذَا القُرْآنَ مَهْجُورًا” ความว่า:และรอซูลได้กล่าวว่าข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ แท้จริงชนชาติของข้าพระองค์ได้ยึดเอาอัลกุรอานนี้เป็นที่ทอดทิ้้ง(ฮิจเราะฮฺ)เสียแล้ว(อัลฟุรกอน:30) คือการหันหลังให้กับอัลกุรอาน ไม่ใส่ใจ ไม่เรียนรู้ ไม่อ่าน ไม่ใคร่ครวญ และไม่ปฏิบัติตามคำสอนเนื้อหา ซึ่งมีทั้งข้อกำหนดให้การปฏิบัติและข้อห้ามต่างๆ เป็นต้น และส่วนบทหะดีษ ท่านนบีได้กล่าวการฮิจเราะฮฺตามบริบทนี้ไว้ด้วยกัน อาทิเช่น:
ท่านนบีกล่าวว่า: “ ُالمُسْلِمُ مَن سَلِمَ المُسْلِمُونَ مِن لِسَانِهِ ويَدِهِ، والمُهَاجِرُ مَن هَجَرَ ما نَهَى اللَّهُ عَنْه “ ความว่า: ผู้ที่เป็นมุสลิมนั้นคือผู้ที่ให้ความปลอดภัยสันติสุขแก่มุสลิมด้วยกันจากลิ้น(คำพูด)และมือของเขา และผู้อพยพนั้นคือผู้ที่ห่างไกล(อพยพ)ออกจากสี่งที่อัลลอฮฺทรงห้ามจากมัน(อัลบุคอรีย์:10) และท่านนบีกล่าวว่า: “ لَا يَحِلُّ لِمُسْلِمِ أَنْ يَهْجُرَ أَخَاهُ فَوقَ ثَلَاثِ لَيَالٍ” ความว่า: ไม่เป็นที่อนุมัติแก่มุสลิมตัดสัมพันธ์กันระหว่างพี่น้องมุสลิมด้วยกันเกินกว่าสามคืน(อัตติรมิซีย์:1932, อัลบุคอรีย์:6237, มุสลิม:2560) เป็นต้น

ฮิจเราะฮฺเป็นสุนนะห์อย่างหนึ่งของบรรดานบีก่อนหน้านบีมูฮำมัด(ศ็อลฯ)

อัลกุรอานทรงกล่าวถึงการอพยพของบรรดารอซูลก่อนหน้านบีมูฮำมัด(ศ็อลาลอฮฺฮุอะลัยหิวะสลาม) ทั้งเป้าหมายและวัตถุประสงค์ของพวกเขา อาทิเช่น
(1) นบีอิบรอฮีม(อะลัยหิสสลาม) อัลลอฮฺตรัสว่า:”وَقَالَ إِنِّي ذَاهِبٌ إِلَى رَبِّي سَيَهْدِيْنِ“ ความว่า: และอิบรอฮีมกล่าวว่า ฉันจะไปหาพระเจ้าของฉัน แน่นอนพระองค์จะทรงแนะทางให้แก่ฉัน(อัศศ็อฟฟาต:99) การอพยพของนบีอิบรอฮีมและหลานของท่าน(นบีลูฏ)ที่ศรัทธาต่อการดะวะฮฺของท่านด้วย ออกจากดินแดนอิรัก(เมโสโปเตเมีย)เข้ามาสู่ดินแดนชาม(ปาเลสไตน์ ซีเรีย จอร์แดน เลบานอน) โดยหวังแผยแพร่ศาสนาที่นั่น อัลลอฮฺตรัสว่า:“ ُفَآمَنَ لَهُ لُوطٌ وَقَالَ إِنِّي مُهَاِجٌر إِلَى رَبِّي إِنَّهُ هُوَ العَزِيْزُ الحَكِيْم” ความว่า: ดังนั้นลูฏได้ศรัทธาต่อเขา และเขา(อิบรอฮีม)กล่าวว่า แท้จริงฉันอพยพไปหาพระเจ้าของฉัน แท้จริงพระองค์คือผู้ทรงอำนาจ ผู้ทรงปรีชาญาณ(อัลอันกะบูต:26) การอพยพครั้งนี้เพื่อรักษาอะกีดะฮฺหลักความเชื่อศรัทธา ศาสนา และความปลอดภัยของชีวิตจากการถูกกดขี่ อธรรม และทารุณกรรมจากผู้มีอำนาจบารมีในแผ่นดิน และท่านได้มีการอพยพครั้งที่สองจากแผ่นดินชามเข้าสู่อียิปต์หลังจากแผ่นดินชามประสบภาวะแห้งแล้งอดอยากพร้อมกับภรรยาของท่าน(ซาราห์) และการอพยพครั้งที่สาม ท่านกับภรรยาคนที่สอง(ฮาญัร)เข้าสู่แหลมอาหรับ ณ เมืองมักกะห์ ดังที่อัลลอฮฺทรงกล่าวไว้ในซูเราะห์อิบรอฮีม “ َرَبَّنَا إِنِّي أَسْكَنْتُ مَنْ ذُرِّيَّتِي بِوَادٍ غَيْرِ ذِي زَرْعٍ عِنْدَ بَيْتِكَ المُحَرَّمِ رَبَّنَا لِيُقَيْمُوا الصَّلَاة فَاجْعَلْ أَفْئِدَةً مِنَ النَّاسِ تَهْوِي إِلَيْهِمْ وَارْزُقْهُم مِنَ الثَّمَرَاتِ لَعَلَّهُمْ يَشْكُرُونَ“ ความว่า:โอ้พระเจ้าของเรา แท้จริงข้าพระองค์ได้ให้ลูกหลานของข้าพระองค์ พำนักอยู่ ณ ที่ราบลุ่มนี้โดยไม่มีพืชผลใดๆ ซึ่งอยู่ใกล้บ้านอันเป็นเขตหวงห้ามของพระองค์ โอ้พระเจ้าของเราเพื่อให้พวกเขาดำรงการละหมาด ขอพระองค์ทรงให้จิตใจจากปวงมนุษย์ มุ่งไปย้งพวกเขาและทรงประทานปัจจัยยังชีพที่เป็นพืชผลแก่พวกเขา เพื่อว่าพวกเขาจะขอบคุณ(อิบรอฮีม:37)

(2) นบีมูซา(อะลัยหิสสลาม) ท่านอพยพ(ลี้ภัย)ครั้งแรกออกจากดินแดนอียิปต์สู่แผ่นดินมัดยัน(ซึ่งเป็นเมืองของนบีซูอัยบฺ อะลัยฮิสสาม)ตอนสมัยยังเป็นวัยหนุ่มหลังจากถูกเป็นจำเลยคดีชกต่อยคู่กรณีของเพื่อนสนิทของท่านจนเสียชีวิต อัลลอฮฺตรัสว่า:” وَلَمَّا تَوَجَّهَ تِلْقَاءَ مَدْيَنَ قَالَ عَسَى رَبِّي أَن يَهْدِيَنِي سَوَاءَ السَّبِيْلِ“ ความว่า: และเมื่อมุ่งหน้าไปยัง(เมือง)มัดยัน เขากล่าวว่า หวังพระเจ้าของฉันจะทรงชี้แนะแก่ฉันสู่ทางอันเที่ยงตรง(อัลเกาะศ็อศ:22) และการอพยพครั้งที่สองเป็นการอพยพออกจากแผ่นดินอียิปต์พร้อมกับบรรดาผู้ศรัทธาหนีจากการตามล่าของฟาโรห์และพรรคพวก อัลลอฮฺตรัสว่า: “ وَأَوحَيْنَا إِلَى مُوسَى أَنْ أَسْرِ بِعِبَادِي إِنَّكُم مُتَّبَعُونَ” ความว่า: และเราดลใจให้มูซาออกเดินทาง ในเวลากลางคืนพร้อมกับปวงบ่าวของข้า แท้จริงพวกเจ้ากำลังถูกติดตาม(อัซซุอะรออฺ:52)
(3) ชาวถ้ำ(أَصْحَابُ الكَهْفِ) พวกเขาเป็นกลุ่มเยาวชน(ชายหนุ่ม)ที่ศรัทธาต่ออัลลอฮฺ มีความเชื่อมั่นในศาสนาอย่างมั่นคง(ก่อนสมัยศาสดามูฮำมัด) หนีจากการตามล่าของผู้มีอำนาจปกครองแผ่นดินที่อธรรม ปฏิเสธศรัทธาต่อพระองค์อัลลอฮฺ โดยพวกเขาหวังความปลอดภัยต่อชีวิติและรักษาหลักการศรัทธาเตาฮีด พวกเขาได้หลบหนีไปพึ่งพิงถ้ำแห่งหนึ่งนอกเมือง อัลลอฮฺตรัสว่า: “وَإِذِ اعْتَزَلْتُمُوهُم وُمَا يَعْبُدُونَ إِلَّا اللهَ فَأْوُوا إِلَى الكَهْفِ يَنْشُرْ لَكُمْ رَبُّكُم مِنْ رَحْمَتِهِ وَيُهَيِّئْ لَكُم مِنْ أَمْرِكُم مِرْفَقًا” ความว่า: และเมื่อพวกเจ้าปลีกตัวออกห่างจากพวกเขา และสิ่งที่พวกเขาเคารพบูชาอื่นจากอัลลอฮฺแล้ว ดังนั้นพวกเจ้าก็จงหลบเข้าไปในถ้ำ พระผู้เป็นเจ้าของพวกเจ้าจะทรงแผ่เมตตาของพระองค์แก่พวกเจ้า และจะทรงทำให้กิจการของพวกเจ้าดำเนินอย่างสะดวกสบาย(อัลกะฮฺฟฺ:16) ดังนั้นการฮิจเราะฮฺถือเป็นสุนนะฮฺอย่างหนึ่งที่นบีได้สร้างแบบอย่างในการรักษาปกป้องศาสนาคุ้มครองความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินและนำสู่การเปลี่ยนแปลงที่ดีและก็สุนนะตุลลอฮฺหรือเป็นวัฏจักรอย่างหนึ่งของพระองค์ที่ทรงชี้นำให้แก่มนุษยชาติในอดีด ปัจจุบันและอนาคตสำหรับการเปลี่ยนแปลงใดๆด้วย

ผลตอบแทนสำหรับผู้ที่ฮิจเราะฮฺ

อิสลามส่งเสริมการฮิจเราะฮฺ ทรงชี้นำมาตรการที่จำเป็นและสมควรปฏิบัติ ดังที่นบีและศอฮาบะห์ได้ทำแบบอย่างที่ดีไว้ สำหรับผลตอบแทนจากการฮิจเราะฮฺ พระองค์อัลลอฮฺทรงตรัสในโองการอัลกุรอานไว้หลายอย่าง อาทิเช่น
(1) เป็นผู้สัตย์จริง(الصَّادِقُونَ)
อัลลอฮฺตรัสว่า:” لِلْفُقَرَاءِ المُهَاجِرِيْنَ الَّذِيْنَ أُخْرِجُوا مِنْ دِيَارِهِمْ وَأَمْوَالِهِمْ يَبْتَغُونَ فَضْلًا مِنَ اللهِ وَرِضْوَانًا وَيَنْصُرُونَ اللهَ وَرَسُولَهُ أُولَئِكَ هُمُ الصَّادِقُونَ ” ความว่า: เป็นของบรรดาผู้อพยพที่ขัดสน ซึ่งถูกขับไล่ออกจากบ้านเกิดเมืองนอนของพวกเขาและทอดทิ้งทรัพย์สินของพวกเขา เพื่อแสวงหาความโปรดปรานจากอัลลอฮฺและความยินดีของพระองค์ และช่วยเหลืออัลลอฮฺและรอซูลของพระองค์ ชนเหล่านั้นพวกเขาคือผู้สัตย์จริง(อัลฮัซรฺ:8)
(2) ความเมตตาจากอัลลอฮฺ(الرَّحْمَةُ)
อัลลอฮฺตรัสว่า:”إَنَّ الَّذِينَ آمَنُوا وَالَّذِينَ هَاجَرُوا وَجَاهَدُوا فِي سَبِيْلِ اللهِ أُولَئِكَ يَرْجُونَ رَحْمَتَ اللهِ وَاللهُ غَفُورٌ رَحِيْمٌ ความว่า: แท้จริงบรรดาผู้ศรัทธา และบรรดาผู้ที่อพยพ และได้เสียสละต่อสู้ในทางของอัลลอฮฺนั้น ชนเหล่านี้แหละที่หวังในความเมตตาของอัลลอฮฺ และอัลลอฮฺนั้นเป็นผู้ทรงอภัยโทษ ผู้ทรงเมตตาเสมอ(อัลบะกอรอฮฺ:218)
(3) ลบล้างความผิดบาปทั้งปวง และตอบแทนสวนสวรรค์(่تَكْفِيْرُ الذُنُوبِ وَإِدْخَالُ الجَنَّةِ)
อัลลอฮฺตรัสว่า:”فَالَّذِينَ هَاجَرُوا وَأُخْرِجُوا مِنْ دِيَارِهَمْ وَأُوذُوا فِي سَبِيْلِي وَقَاتَلُوا وَقُتِلُوا لَأُكَفِّرَنَّ عَنْهُمْ سَيِّئَاتِهِمْ وَلَأُدْخِلَنَّهُمْ جَنَّاتٍ تَجْرِي مِنْ تَحْتِهَا الأَنْهَارُ ثَوَابًا مِنْ عِنْدِاللهِ وَاللهُ عِنْدَهُ حُسْنُ الثَّوَابِ
” ความว่า: บรรดาผู้ที่อพยพและที่ขับไล่ให้ออกจากหมู่บ้านชองพวกเขาและได้รับความเดือดร้อนในทางของข้าและได้ต่อสู้และถูกฆ่าตายนั้น แน่นอนข้าจะลบล้างให้พ้นจากพวกเขา ซึ่งบรรดาความผิดของพวกเขาและแน่นอนข้าจะให้พวกเขาบรรดาสวนสวรรค์ ซึ่งมีบรรดาแม่น้ำไหลอยู่เบื้องล่างของสวนสวรรค์เหล่านั้น ทั้งนี้เป็นรางวัลตอบแทนจากอัลลอฮฺและอัลลอฮฺนั้น ณ พระองค์มีการตอบแทนอันดีงาม(อาละอิมรอน:195)

(4) เป็นผู้ศรัทธาอย่างแท้จริง การให้อภัยโทษ และปัจจัยยังชีพ( المُؤْمِنُ الحَقِيقِيُّ، المَغْفِرَةُ، الرِّزقُ )
อัลลอฮฺตรัสว่า:
” وَالَّذِينَ آمَنُوا وَهُاجَرُوا وَجَاهَدُوا فِي سَبِيْلِ اللهِ وَالَّذِينَ آوَوا وَنَصَرُوا أُولَئِكَ هُمُ المُؤْمَنُونَ حَقًّا لَهُمْ مَغْفِرَةٌ وَرِزْقٌ كَرِيْمٌ” ความว่า: และบรรดาผู้ที่ศรัทธาและอพยพและต่อสู้ในทางของอัลลอฮฺและบรรดาผู้ที่ให้พักอาศัยและช่วยเหลือนั้นชนเหล่านี้แหละพวกเขาคือผู้ศรัทธาโดยแท้จริง ซึ่งพวกเขาจะได้รับการอภัยโทษและเครื่องยังชีพอันมากมาย(อัลอัมฟาล:74)
(5) ระดับชั้นที่ยิ่งใหญ่สูงส่งและชัยชนะ
อัลลอฮฺตรัสว่า:
“وَالَّذِيْنَ آمَنُوا وَهَاجَرُوا وَجَاهَدُوا فِي سَبِيْلِ اللهِ بِأَمْوَالِهِمْ وَأَنْفُسِهِمْ أَعْظَمُ دَرَجَةً عَنْدَ رَبِّهِمْ وَأُولَئِكَ هُمُ الفَائِزُونَ” ความว่า: บรรดาผู้ที่ศรัทธาและอพยพและต่อสู้ในทางของอัลลอฮฺทั้งด้วยทรัพย์สมบัติของพวกเขาและชีวิตของพวกเขานั้นย่อมเป็นผู้มีระดับชั้นยิ่งใหญ่กว่า ณ ที่อัลลอฮฺ และชนเหล่านี้แหละพวกเขาคือผู้มีชัยชนะ(อัตเตาบะฮฺ:20)
(6) ความปลอดภัยสันติสุข และความมั่งคั่ง
อัลลอฮฺตรัสว่า:”
وَمَنْ يُهَاجِرْ فِي سَبِيْلِ اللهِ يَجِدْ فِي الأَرْضِ مُرَاغَمًا كَثِيْرًا وَسَعَةً وَمَنْ يَخْرُجْ مِنْ بَيْتِهِ مُهَاجِرًا إِلَى اللهِ وَرَسُولِهِ ثُمَّ يُدْرِكْهُ المَوتُ فَقَدْ وَقَعَ أَجْرُهُ عَلَى اللهِ وَكَانَ اللهُ غَفُورًا رَحِيْمًا”ความว่า: และผู้ใดอพยพไปในทางของอัลลอฮฺ เขาก็จะพบในผืนแผ่นดิน ซึ่งสถานที่อพยพไปมากมายและความมั่งคั่งด้วย และผู้ออกจากบ้านของเขาไปในฐานะผู้อพยพไปยังอัลลอฮฺและรอซูลของพระองค์ และความตายก็มาถึงเขา แน่นอนรางวัลของเขานั้นย่อมปรากฏอยู่แล้ว ณ อัลลอฮฺ และอัลลอฮฺนั้น เป็นผู้ทรงอภัยโทษผู้ทรงเมตตาเสมอ(อันนิซาอฺ:100) และในทางกลับกัน ผู้จำเป็นที่ต้องมีการอพยพออกจากแผ่นดินบัานเกิดเพราะประสบภาวะคับขัน ถูกบังคับ กดขี่ข่มเหง อธรรม และถูกทารุณกรรมหรือไม่สามารถจะธำรงรักษาไว้ซึ่งศาสนา หลักศรัทธาอะกีดะฮฺ และความปลอดภัยในชีวิตของพวกเขา แต่ไม่ยอมมีการอพยพ พวกเขาก็จะไม่ได้รับความโปรดปรานจากพระองค์อัลลอฮฺและจะได้รับผลตอบแทนที่เลวร้ายในวันปรโลกนอกจากผู้ที่อ่อนแอไม่สามารถจะอพยพหรือหนีออกมาได้อัลลอฮฺตรัสว่า:
“إِنَّ الَّذِيْنَ تَوَفَّاهُمُ المَلآئِكَةُ ظَالِمِي أَنْفُسِهَمْ قَالُوا فَيْمَ كُنتُمْ قَالُوا كُنَّا مُسْتَضْعَفِيْنَ فِي الأَرْضِ قَالُوا أَلَمْ تَكُنْ أَرْضُ اللهِ وَاسِعَةً فَتُهَاجِرُوا فَيهَا فَأُولَئِكَ مَأْوَاهُمْ جَهَنَّمُ وَسِاءَتْ مَصِيرًا إِلَّا المُسْتَضْعَفِينَ مِنَ الرِّجَالِ وَالنِّسَاءِ وَالوِلْدَانِ لَا يَسْتَطِيعُونَ حِيلَةً وَلَا يَهْتَدُونَ سَبِيلًا فَأُولَئِكَ عَسَى أَن يَعْفُوَ عَنْهُمْ وَكَانَ اللهُ عَفُوًّا غَفُورًا” ความว่า: แท้จริงบรรดาผู้ที่มะลาอิกะฮฺได้เอาชีวิตของพวกเขาไป โดยที่พวกเขาเป็นผู้อธรรมแก่ตัวเองของพวกเขาเองนั้น (เนื่องจากไม่ยอมอพยพไป-มะดีนะฮฺ-ทั้งๆที่สามารถจะอพยพไปได้ ในขณะเดียวกันก็ไม่สามารถที่จะปฏิบัติศาสนาได้เพราะกลัวพวกมุซริกทำร้าย) มะลาอิกะฮฺได้กล่าวว่าพวกเจ้าปรากฏอยู่ในสิ่งใด(คือพวกเจ้าทำอะไรกันอยู่ให้อพยพไปมะดีนะฮฺก็ไม่ไป และสิ่งที่ศาสนาใช้ก็ทำไม่ได้) พวกเขากล่าวว่าพวกเราเป็นผู้ที่นับว่าอ่อนแอ (ถูกนับอยู่ในจำพวกที่อ่อนแอและอยู่ในข่ายผู้ที่ได้รับอภัย) ในแผ่นดิน มะลาอิกะฮฺกล่าวว่า แผ่นดินของอัลลอฮฺมิได้กว้างขวางดอกหรือที่พวกเจ้าจะอพยพไปอยู่ในส่วนนั้น (มะลาอิกะฮฺรู้ดีว่าพวกเขามิใช่เป็นผู้อ่อนแอ) ชนเหล่านี้แหละที่อยู่ของพวกเขาคือนรกญะฮันนัมและเป็นที่กลับไปอันชั่วร้าย นอกจากบรรดาผู้ที่ถูกนับว่าอ่อนแอ ไม่ว่าจะเป็นชายและหญิง และเด็ก ก็ตามที่ไม่สามารถมีอุบายใดๆได้(ไม่สามารถจะมีอุบายหรือแผนการใดๆที่จะหลบหนีพวกมุซริก อพยพไป-มะดีนะฮฺ-ได้) และทั้งไม่ได้รับการแนะนำทางหนึ่งทางใดด้วย (ไม่มีใครจะนำทางพาไปหรือไม่รู้ทาง) ชนเหล่านี้แหละอัลลอฮฺ อาจจะยกโทษให้แก่พวกเขา และอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงอภัยผู้ทรงยกโทษเสมอ (อัน-นิซาอฺ:97-99)

ฮิจเราะฮฺกับผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น

ฮิจเราะฮฺ = การอพยพไปสู่สิ่งใหม่ที่ดีกว่า
ฮิจเราะฮฺ = การหนีร้อนไปพึ่งเย็น
ฮิจเราะฮฺ = การปลดปล่อยจากความทุกข์ยาก สู่สันติสุข ปลอดภัยและความมั่งคั่ง
ฮิจเราะฮฺ = การออกจากความมืดมนของญะฮีลียะฮฺสู่แสงสว่างรัศมีแห่งอัลอิสลาม
ฮิจเราะฮฺ = การปลีกห่างออกจากอบายมุข สิ่งสกปรกชั่วร้าย สู่คุณธรรมความดีงามของอัลอิสลาม
ฮิจเราธฮฺ = จากการปฏิเสธ สู่การศรัทธาที่มั่นคง
ฮิจเราะฮฺ = จากความอ่อนแอ สู่ความเข้มแข็ง แข็งแกร่ง
ฮิจเราะฮฺ = จากที่จำกัดคับแคบ สู่เสรีภาพ
ฮิจเราะฮฺ = จากการถูกกดขี่ข่มเหง การครอบงำสู่อิสรภาพและการปลดปล่อย
ฮิจเราะฮฺ = จากวิกฤต สู่โอกาส
ฮิจเราะฮฺ = จากทฤษฎี สู่การปฏิบัติ
ฮิจเราะฮฺ = จากที่ตกบกพร่อง สู่การปฏิบัติที่สมบูรณ์แบบ
ฮิจเราะฮฺ = เป็นการเสียสละเพื่อสัจจธรรมของอัลอิสลาม
ฮิจเราะฮฺ = เป็นการเปลี่ยนแปลงที่ใหญ่หลวง
ฮิจเราะฮฺ = เป็นการสร้างเอกภาพของประชาชาติ
ฮิจเราะฮฺ = เป็นจุดเริ่มของการสถาปนารัฐอิสลาม
ฮิจเราะฮฺ = เกิดอารยธรรมอิสลามที่ยิ่งใหญ่

บรรณานุกรม

อัลกุรอาน
อัลฮะดีษ
พระมหาคัมภีร์อัลกุรอานพร้อมคำแปลเป็นภาษาไทย สมาคมนักเรียนเก่าอาหรับ ประเทศไทย

Comments are closed